สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ใช้ช่องทางขายของเป็น Social Media ไม่ว่าจะเป็น Facebook Twitter Instagram YouTube และ TikTok การปล่อยให้หน้าฟีดนิ่งเงียบ คงไม่ส่งผลดีต่อร้านค้าเท่าไร เพราะหน้าฟีดก็เหมือนหน้าร้าน หากทิ้งร้างก็อาจทำให้คนเข้าใจผิดว่าไม่ได้ขายสินค้าต่อแล้วก็เป็นได้
นอกจากนี้ การสร้างคอนเทนต์ต่าง ๆ เพื่อนำเสนอลงบนหน้าฟีดก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะว่าคอนเทนต์เป็นเครื่องมือที่ช่วยทำให้คนรู้จักร้านค้า และสนใจสินค้าที่ขายมากขึ้น ที่สำคัญยังช่วยจูงใจให้คนตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการของร้านได้อีกด้วย
ใครที่เริ่มรู้สึกว่าหน้า Feed ของ Social Media เริ่มมีเนื้อหาซ้ำ ๆ เดิม ๆ อยากเขียนคอนเทนต์แบบใหม่ ๆ แต่ไม่รู้จะเขียนแบบไหนดี วันนี้เราจะมาสอนวิธีเขียนคอนเทนต์ให้ปัง โดนใจ และขายได้ จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
สิ่งที่ต้องรู้ก่อนลงมือเขียนคอนเทนต์
ก่อนที่จะไปสอนวิธีเขียนคอนเทนต์ มีสิ่งที่ต้องรู้ก่อนลงมือเขียน เพื่อให้การเขียนคอนเทนต์ของเราสามารถดึงดูดคนให้เข้ามาสนใจสินค้าและมีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน
ไม่ว่าเราจะเขียนคอนเทนต์ด้วยรูปแบบใดก็ตาม ต้องเริ่มจากการกำหนดกลุ่มเป้าหมายของเราให้ชัดเจน เพื่อที่จะได้รู้ว่าคอนเทนต์ที่จะเขียนนั้น ต้องการสื่อสารถึงใคร และคน ๆ นั้นมีความต้องการสิ่งใด หรือกำลังต้องการแก้ปัญหาในเรื่องใดอยู่ ซึ่งเราจะได้เขียนคอนเทนต์ว่าสินค้าและบริการของเราจะตรงใจเขาเพราะอะไร หรือช่วยตอบข้อสงสัยและกังวลใจให้เขาได้อย่างตรงจุด
ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่จะเขียน
ความน่าเชื่อถือ เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักในการเขียนคอนเทนต์ ดังนั้นเราจึงควรศึกษาเรื่องที่จะเขียนอย่างรอบคอบและถ่องแท้ เพราะหากเราดูเป็นผู้มีความรู้ และมีความเชี่ยวชาญในเรื่องที่เขียน ก็จะช่วยสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อ หรือเลือกปฏิบัติตามสิ่งที่คอนเทนต์แนะนำได้ไม่ยาก
เน้นเขียนให้เห็นภาพและเข้าใจง่าย
เพราะแต่ละวันคนจะเห็นคอนเทนต์ต่าง ๆ บน Social Media มากมาย หากคอนเทนต์ของเราดูไม่น่าสนใจ เข้าใจยาก จะทำให้คนดูหมดความสนใจลงไปได้อย่างรวดเร็ว และจะหันไปสนใจสินค้าและบริการของคู่แข่งของเราได้ในทันที
สอน 7 สไตล์ในการเขียนคอนเทนต์
1. Educate
รูปแบบแรกที่เราจะสอนให้ลองนำไปเขียนคอนเทนต์ดู คือ Educate เป็นการเขียนคอนเทนต์เพื่อให้ความรู้แก่คนอ่าน โดยอาจเป็นความรู้ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่เราขาย เช่น
- ขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ก็เขียนคอนเทนต์เกี่ยวกับการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอย่างไร ให้เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
- ขายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ก็เขียนคอนเทนต์เกี่ยวกับการดูแลรักษาผิวที่เป็นสิวหรือแพ้ง่าย
2. Case Studies
รูปแบบที่สองที่เราจะสอนเขียนคอนเทนต์ คือ Case Studies เป็นการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับสินค้า หรือบริการ ผ่านการรีวิวจากการใช้งานจริงของลูกค้า ซึ่งควรใช้วิธีการหยิบรีวิวจริงมาต่อยอด หรือขอให้ลูกค้าช่วยรีวิวให้ เพื่อความน่าเชื่อถือและสร้างแรงดึงดูดต่อกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแท้จริง
3. Tips
สำหรับการเขียนคอนเทนต์รูปแบบ Tips นั้น คือ การให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า แต่เป็นเชิงการให้ความรู้ เช่น
- ขายผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ก็เขียนเกี่ยวกับการทาครีมกันแดดอย่างถูกวิธี
- ขายนำยาทำความสะอาด ก็เขียนคอนเทนต์แนะนำวิธีการใช้งานอย่างถูกต้อง
4. Festivals Content
Festivals Content เป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่เราจะสอนให้ได้ลองไปใช้เขียนคอนเทนต์ดู โดยคอนเทนต์รูปแบบนี้ จะเป็นการนำสินค้าและบริการของเราไปเชื่อมโยงกับเทศกาลหรือวันสำคัญต่าง ๆ เช่น
- ขายเสื้อผ้า ก็แนะนำการเลือกชุดไปเที่ยวทะเลในวันหยุดยาว
- ขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ก็แนะนำผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบำรุงสุขภาพ ที่เหมาะจะมอบให้แม่ในวันแม่
5. Quotes
Quotes เป็นการนำคำพูดของคนดัง ผู้เชี่ยวชาญ ที่พูดในสิ่งที่น่าสนใจ สร้างกำลังใจ หรือพูดในสิ่งที่สามารถเกี่ยวโยงกับแบรนด์หรือสินค้าของเราได้มาสร้างคอนเทนต์
- ขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อาจนำคำพูดเกี่ยวกับประโยชน์ของวิตามินซีของคุณหมอมาใช้เขียนคอนเทนต์
6. FAQ
FAQ เป็นรูปแบบการเขียนคอนเทนต์ที่เข้าใจได้ง่ายมากที่สุด โดยการเลือกคำถามเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่พบเห็นบ่อย ๆ มาตอบ เพื่อเป็นการช่วยคลายความสงสัยให้คนที่สนใจสินค้าได้อย่างตรงจุด และเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจซื้อสินค้าได้มากขึ้น
7. Storytelling
รูปแบบสุดท้ายที่เราจะสอนเขียนคอนเทนต์ คือ Storytelling เป็นการเขียนคอนเทนต์เพื่อสร้างอารมณ์ร่วมระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ เช่น การเล่าเรื่องราวความยากลำบากในการสร้างแบรนด์ การใส่ใจรายละเอียดในทุกขั้นตอนการผลิตสินค้า หรือความทุ่มเทในการทำงานของพนักงานทุกคน
ทั้งหมดคือสิ่งที่เรารวบรวมมาสอนให้คุณได้ลองเขียนคอนเทนต์ใหม่ ๆ กัน และสำหรับใครที่สนใจสามารถเรียนเทคนิคการเขียนคอนเทนต์หลากหลายสไตล์ได้ที่ The iCon Academy เพื่อดึงดูดลูกค้า สร้างรายได้ จากทีมงานมืออาชีพที่ประสบความสำเร็จในเส้นทางออนไลน์ ติดต่อเพื่อขอรับคำแนะนำได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 02-599-1999